ติวสอบเข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่  เรียนพิเศษ
 
คณิตศาสตร์      ฟิสิกส์       ภาษาอังกฤษ
แคลคูลัส
ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์
O-Net    A-level    TGAT    TPAT    TPAT3    TCAS67
 

เปิดสอน   ระดับชั้นประถมศึกษา    มัธยมต้น    มัธยมปลาย
และระดับมหาวิทยาลัย

เพื่อการสอบเพิ่มเกรดประจำภาคเรียน
สอบเข้า ม.1     สอบเข้า ม.4
สอบ Admission     และสอบตรงเข้ามหาวิทยาลัย

"เน้นเรียนตัวต่อตัว    และกลุ่มย่อย 4 คน"

สำหรับนักเรียนที่มุ่งมั่นเข้าศึกษาต่อคณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
 
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (อังกฤษ: Chiang Mai University; อักษรย่อ: มช. – CMU) เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งแรกที่จัดตั้งขึ้นในส่วนภูมิภาคและเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งที่หกของประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2507 ตั้งอยู่บริเวณเชิงดอยสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีสถานะเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2551 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ดำเนินการจัดการศึกษาและการวิจัยครอบคลุมทั้งสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเกษตร สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ ใน 21 คณะ 3 วิทยาลัย 1 บัณฑิตวิทยาลัย และ 8 สถาบัน[9]โดยมีหลักสูตรที่เปิดสอนในแต่ละคณะจำนวน 340 หลักสูตร ในระดับปริญญาตรี มีการจำแนกหลักสูตรออกเป็น หลักสูตรภาคปกติ หลักสูตรภาคพิเศษ หลักสูตรนานาชาติ หลักสูตรต่อเนื่อง และหลักสูตรสาขาวิชาร่วม หลักสูตรระดับปริญญาโท แบ่งเป็น 2 แผน คือ แผน ก และแผน ข และหลักสูตรระดับปริญญาเอก แบ่งเป็น 2 แบบ คือ แบบ 1 เป็นการศึกษาที่เน้นการวิจัย ที่ก่อให้เกิดความรู้ใหม่ และแบบ 2 เป็นการศึกษาที่เน้นการวิจัย โดยมีการทำวิทยานิพนธ์ที่มีคุณภาพสูง และก่อให้เกิดความก้าวหน้าทางวิชาการ และวิชาชีพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ จากกระทรวงศึกษาธิการ เป็น 1 ใน 7 สมาชิกเครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย Research University Network (RUN) เป็นสมาชิกเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน ASEAN University Network (AUN) และเป็นสมาชิก Association of Southeast Asian Institutions of Higher Learning (ASAIHL) ประวัติ บัตรวงกลมเรียกร้องให้ตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2484 รัฐบาลมีนโยบายที่จะจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นในส่วนภูมิภาคแต่เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง การดำเนินงานจึงชะงักลง ต่อมาเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ประชาชนชาวเชียงใหม่นำโดย นายกีและนางกิมฮ้อ นิมมานเหมินท์ ได้เรียกร้องให้มีการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาขึ้นในส่วนภูมิภาค โดยขอให้รัฐบาลจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีการเคลื่อนไหวเรียกร้องอย่างหนัก และส่วนหนึ่งของการแสดงการเรียกร้องในครั้งนั้นคือ การแสดงความคิดเห็นเรียกร้องผ่านการพิมพ์บัตรต่าง ๆ เพื่อแจกจ่ายให้นักเรียน และประชาชน ดังต่อไปนี้ บัตรแสตมป์ ซึ่งมีข้อความว่า "เราต้องการมหาวิทยาลัยประจำลานนาไทย" โดยให้นำไปติดไว้บนซองจดหมายคู่กับดวงตราไปรษณีย์หรือติดไว้บนเอกสารทั่วไปตามที่เห็นสมควร บัตรวงกลม มีข้อความว่า "ในภาคเหนือ เราต้องการ มหาวิทยาลัย " และ "โปรดร่วมกันต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งมหาวิทยาลัย ประจำภาคเหนือ" ติดตามที่ต่าง ๆ บัตรห่วง เป็นบัตรที่มีวัตถุประสงค์ให้นักเรียนและประชาชน ส่งบัตรห่วงนี้ไปให้ญาติมิตรคนรู้จักแล้วให้ส่งบัตรห่วงนี้กระจายเพิ่มขึ้นไปทั่วประเทศ โดยมีข้อความตอนหนึ่งว่า "เรา ประชาชนคนภาคเหนือ มีความเชื่อมั่นว่าการจัดให้มีสถาบันการศึกษามหาวิทยาลัยขึ้นในลานนาไทยนั้นเป็นความจำเป็นอย่างรีบด่วน เราเชื่อว่าอนาคตและความวัฒนาสถาพรของลานนาไทยนั้นขึ้นอยู่ที่แรงปณิธานของลูกลานนาไทยทุกคน ...เราจึงขอให้สัจจปฏิญญาณไว้ ณ ที่นี้ว่า เราจะขอสู้จนสุดใจขาดดิ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งมหาวิทยาลัยประจำลานนาไทย..." ต่อมาในปี พ.ศ. 2501 รัฐบาลได้แถลงนโยบายเกี่ยวกับการศึกษาว่าจะดำเนินการ "พัฒนาการศึกษาในส่วนภูมิภาค ตลอดถึงการศึกษาขั้นสูง" และเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2502 ได้มีการประชุมโครงการพัฒนาการศึกษาในส่วนภูมิภาค ภาคการศึกษา 8 ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ[13]เป็นประธาน ในการประชุมครั้งนั้นหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล[14] ได้บันทึกไว้ว่า "การตั้งมหาวิทยาลัยในส่วนภูมิภาค ตามความเรียกร้องของประชาชน ที่ประชุมเห็นว่าน่าจะจัดตั้งมหาวิทยาลัยที่จังหวัดเชียงใหม่ ...ด้วยเป็นความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง..." หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว คณะรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ลงมติอนุมัติให้จัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2503 และมอบหมายให้หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเตรียมการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ตั้งแต่พ.ศ. 2503 ถึง พ.ศ. 2506 ซึ่งหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ได้บันทึกเกี่ยวกับการตั้งชื่อมหาวิทยาลัยไว้ใน บันทึกของปม. ความตอนหนึ่งว่า "...ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้สั่งไว้ว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลปฏิวัติให้กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ปฏิวัติงานให้เข้าสู่สภาพที่ควรในทุกๆกรณี ถ้าเราเรียกชื่อมหาวิทยาลัยที่จังหวัดเชียงใหม่ว่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็จะเป็นการปฏิวัติแล้ว คือเรียกชื่อมหาวิทยาลัยตามชื่อเมือง เป็นแห่งแรกในประเทศไทย ชื่อ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพราะมาก ขออย่าให้ใครมาแก้ไขเป็นอย่างอื่นเลย..." ด้วยเหตุที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เกิดจากความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง และเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งแรกในส่วนภูมิภาคของประเทศไทย ณ จังหวัดเชียงใหม่ จึงมีชื่อว่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จนถึงปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พุทธศักราช 2507 เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2507 และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2507 โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[18]จึงถือว่าวันก่อตั้งมหาวิทยาลัยตามกฎหมาย คือ วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2507 ซึ่งเป็นวันที่พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2507 มีผลบังคับใช้ และได้ดำเนินการเปิดทำการเรียนการสอนครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2507 และต่อมาในปี พ.ศ. 2508 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ประกอบพิธีเปิดมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2508 ซึ่งชาวมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ถือว่าเป็นวันสถาปนามหาวิทยาลัย พระยาศรีวิสารวาจา (หุ่น ฮุนตระกูล) อธิการบดีคนแรกของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เห็นว่าตราของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ควรจะมีคำขวัญหรือสุภาษิตกำกับไว้ จึงมอบหมายให้ ศาสตราจารย์แสง จันทร์งาม กราบนมัสการขอพุทธภาษิตจากท่านเจ้าคุณ พระสาสนโสภณ เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร) และได้เลือกพุทธภาษิตบทที่ว่า “อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา” แปลว่า บัณฑิตทั้งหลายย่อมฝึกตน เป็นคำขวัญประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะกรรมการดำเนินการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้กำหนดให้คำขวัญนี้อยู่ในตรามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จนถึงปัจจุบัน  ในระยะเริ่มต้นได้เปิดดำเนินการสอน 3 คณะ ที่เป็นรากฐานของทุกสาขาวิชา คือ คณะมนุษยศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2508 ได้รับโอนกิจการคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลนครเชียงใหม่ จาก มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (มหาวิทยาลัยมหิดลในปัจจุบัน) มาเป็นคณะแพทยศาสตร์สังกัดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในปีเดียวกันนี้เอง ได้เริ่มจัดตั้งคณะเกษตรศาสตร์ขึ้นอีกคณะหนึ่ง ในปีการศึกษา 2511 ได้จัดตั้งคณะศึกษาศาสตร์ และในปีการศึกษา 2513 ได้จัดตั้งคณะใหม่อีก คือ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2515 จึงได้จัดตั้งเพิ่มขึ้นอีก 3 คณะคือ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ และคณะพยาบาลศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2518 ได้จัดตั้งคณะเทคนิคการแพทย์เพิ่มขึ้น และตั้งบัณฑิตวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ. 2519 เพื่อเป็นหน่วยประสานงานด้านการเรียนการสอนและมาตรฐานหลักสูตรขั้นบัณฑิตศึกษามีฐานะเทียบเท่าคณะหนึ่งแต่การดำเนินงานด้านการสอนและการวิจัยซึ่งกระทำโดยคณาจารย์ของคณะ และได้มีการจัดตั้งคณะวิจิตรศิลป์ขึ้น ในปี พ.ศ. 2525 เปิดรับนักศึกษาตั้งแต่ปีการศึกษา 2526 ในปี 2536 ได้จัดตั้ง
คณะเพิ่มขึ้นอีก 3 คณะ คือ คณะเศรษฐศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ และคณะอุตสาหกรรมเกษตร และในปี พ.ศ. 2538 ได้จัดตั้งคณะเพิ่มอีก 1 คณะ คือ คณะสัตวแพทยศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2543 ได้มีการจัดตั้งคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ขึ้นเป็นคณะที่ 17 ในปีพ.ศ. 2548 ได้จัดตั้งอีกสองคณะ และหนึ่งวิทยาลัยคือ คณะการสื่อสารมวลชน คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ และวิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี และในปีพ.ศ. 2549 ได้จัดตั้งคณะที่ 20 คือ คณะนิติศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2550 ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และต่อมาพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2551 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2551 ให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ตราประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นรูปช้างชูคบเพลิงมีสุภาษิตเป็นภาษาบาลีว่า “อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา” อยู่ในกรอบเส้นรอบวงด้านบนและคำว่า “มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2507” อยู่ด้านล่างตรงกลาง ระหว่างข้อความทั้งสองนี้ มี “ดอกสัก” คั่นกลางปรากฏอยู่ ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ซึ่งมีความหมายดังนี้ ช้าง เป็นสัตว์ที่มีคุณค่าสูงมากในภาคเหนือ จึงถือเป็นสัญลักษณ์ของภาคเหนือ การก้าวย่างของช้าง หมายถึง ความเจริญก้าวหน้า ไม่หยุดยั้ง คบเพลิง หมายถึง ความสว่างไสวแห่งปัญญาและวิชาการ รัศมี 8 แฉก หมายถึง คณะทั้ง 8 ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะจัดตั้งขึ้นตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พุทธสุภาษิต “อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา” มีความหมายว่า บัณฑิตทั้งหลายย่อมฝึกตน ดอกสัก ปรากฏอยู่ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ซึ่งถือว่าเป็นต้นไม้ที่มีค่าและมีความอุดมสมบูรณ์ในภาคเหนือ ดอกสักเป็นดอกไม้ขนาดเล็กและอยู่ในพวงใหญ่ มีสีขาว เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร มีกลีบดอก 6 กลีบ การจัดอันดับโดย Webometrics การจัดอันดับมหาวิทยาลัยของเว็บโอเมตริกซ์ จัดทำขึ้นเพื่อแสดงความตั้งใจของสถาบันต่าง ๆ ในการเผยแพร่ความรู้สู่เว็บ และเป็นความริเริ่มเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงความรู้อย่างเปิดกว้าง (Open Access) ทั่วโลก อันดับ Webometrics จะบอกถึงปริมาณและคุณภาพของสิ่งตีพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ในเว็บไซต์ของสถาบัน โดยพิจารณาจากจำนวน Link ที่เชื่อมโยงเข้าสู่เว็บนั้น ๆ จากเว็บภายนอกโดยวัดจากการสืบค้นด้วยSearch Engine จำนวนเอกสารที่มีการอ้างอิง (Citation) แบบออนไลน์ผ่านกูเกิลสกอลาร์ (Google Scholar) โดยการจัดอันดับในปี2022 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 3 ของประเทศไทย และอันดับที่ 560 ของโลก สถาบันวิจัย อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMU STeP) อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMU STeP) เป็นส่วนงานวิชาการของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดตั้งขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง 7 คณะ ประกอบด้วยคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ คณะอุตสาหกรรมเกษตร วิทยาลัยศิลปะ สื่อและเทคโนโลยี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และคณะบริหารธุรกิจ เพื่อสร้างนวัตกรรม (Bridge for Innovation) เชื่อมโยงและผสานการทำงานระหว่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กับภาคอุตสาหกรรม ภาคเอกชน หน่วยงานภาครัฐ และภาคประชาชนที่อยู่ภายนอกมหาวิทยาลัย โดยนำผลงานวิจัย นักวิจัย และเครื่องมือวิจัย ของมหาวิทยาลัยมาใช้ประโยชน์และสร้างคุณค่าในรูปแบบของการผลักดันองค์ความรู้งานวิจัยให้เกิดการใช้งานเชิงพาณิชย์ (Research Commercialization) การสร้างธุรกิจเทคสตาร์ทอัพ (Tech Startup) ธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (Innovation Driven Enterprise) การทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มในองค์รวม (Total Value Creation) และการพัฒนาชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน โดยการบูรณาการองค์ความรู้ งานวิจัย และเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่[56] สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ERDI CMU) เป็นสถาบันที่มีลักษณะของศูนย์ความเป็นเลิศ (Excellent center) โดยเป็นศูนย์กลางแห่งองค์ความรู้ด้านพลังงานระดับประเทศและระดับนานาชาติในการวิจัยและพัฒนารวมถึงให้บริการวิชาการโดยมีความเชี่ยวชาญครอบคลุมในด้านที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในทุกแขนงสาขาเป็นองค์การที่จัดตั้งขึ้นจากการหลอมรวมองค์กรในกำกับทั้ง 2 แห่งของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ดำเนินการเกี่ยวข้องในด้านพลังงาน คือ สถานจัดการและอนุรักษ์พลังงาน และสถานเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพ ให้เป็นหน่วยงานเดียวกัน โดยรับอนุมัติจากทางภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2550 จัดตั้งเป็นหน่วยงานใหม่ภายใต้ชื่อ " สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงาน" เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2553 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน ทรงเปิดอาคารสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงาน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อย่างเป็นทางการ สถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เดิมมีชื่อเรียกว่า โครงการจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยที่ประชุมคณบดีเห็นชอบให้มีโครงการจัดตั้งฯ เมื่อเดือน กรกฎาคม 2528 ปัจจุบันสถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประกอบด้วยผู้แทนจาก 5 คณะหลัก คือ คณะวิทยาศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ คณะอุตสาหกรรมเกษตร และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มุ่งส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนางานทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อความยั่งยืนและความสมดุลของมุนษย์ และสิ่งแวดล้อม แบ่งเป็นศูนย์ต่าง ๆ ดังนี้]ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวภาพด้านพืช ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวภาพระดับโมเลกุล ศูนย์วิจัยนิวตรอนและเทคโนโลยีรังสี ศูนย์วิจัยพลังงานและเทคโนโลยีที่เหมาะสม ศูนย์วิจัยวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีและวัสดุ ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีเซรามิกส์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาวัตถุดิบยา เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ศูนย์วิจัยอิเล็คทรอนิกส์ประยุกต์และคอมพิวเตอร์ ศูนย์วิจัยความหลากหลายทางชีวภาพและชีววิทยาชาติพันธุ์ ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยเฉพาะทาง สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2510 ภายใต้ชื่อ ศูนย์วิจัยโลหิตวิทยาและทุโภชนาการ สังกัดคณะแพทยศาสตร์ ได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโภชนาการในผู้ป่วยเด็กโรคขาดสารอาหารโรคโลหิตจางในเด็กและหญิงมีครรภ์ และความสัมพันธ์ระหว่างภาวะทุโภชนาการและโลหิตจางกับการเกิดโรคติดเชื้อต่อมาได้เสนอโครงการขยาย และปรับปรุงยกฐานะโดยได้รับความ เห็นชอบในปี พ.ศ. 2521 ให้สถาปนาขึ้นเป็น สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ สุขภาพเป็นหน่วยงานอิสระที่มีฐานะเทียบเท่าคณะในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีภารกิจในการดำเนินงาน วิจัยและเป็นศูนย์กลางให้ความร่วมมือประสานงาน และส่งเสริมการดำเนินการ ค้นคว้าวิจัยในสาขา วิทยาศาสตร์สุขภาพเพื่อให้ได้รับทราบข้อมูลพื้นฐาน อันเป็นประโยชน์ต่อการค้นหาสาเหตุประกอบการวินิจฉัย ของการเกิดโรคได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะยังผลให้
สอนพิเศษตัวต่อตัว เรียนพิเศษตัวต่อตัว เรียนพิเศษกลุ่มย่อย  วิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ความถนัดทางวิศวกรรม รับรองผล เรียนเพิ่มเกรด ติวเพิ่มเกรด o-net ติวสอบเข้า ม.1 ติวสอบเข้า ม.4  onsite เรียนออนไซต์  กวดวิชา ติว ครูคณิต กวดวิชา ติว ครูเลข ครูวิทย์ ครูฟิสิกส์ ครูอังกฤษ กวดวิชา ติว  tutor วิทย์ ติวเตอร์ เรียนออนไซต์ onsite อาจารย์คณิต อาจารย์เลข อาจารย์วิทย์ อาจารย์ฟิสิกส์ อาจารย์อังกฤษ onsite เรียนออนไซต์ เรียนพิเศษใกล้ฉัน  เรียนพิเศษเลขกับติวเตอร์คนไหนดี? เรียนพิเศษคณิตศาสตร์กับติวเตอร์คนไหนดี? เรียนพิเศษฟิสิกส์กับติวเตอร์คนไหนดี? เรียนพิเศษวิทย์กับติวเตอร์คนไหนดี? วิทย์ เรียนพิเศษใกล้ฉัน เรียนพิเศษภาษาอังกฤษกับติวเตอร์คนไหนดี?  เรียนพิเศษที่ไหนดี? เรียนพิเศษคณิตศาสตร์ที่ไหนดี? เรียนพิเศษเลขที่ไหนดี? เรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ที่ไหนดี? เรียนพิเศษฟิสิกส์ที่ไหนดี? เรียนพิเศษภาษาอังกฤษที่ไหนดี? onsite เรียนออนไซต์ onsite เรียนออนไซต์ เรียนพิเศษวิทยาศาสตร์กับติวเตอร์คนไหนดี?  ติวเตอร์ tutor โรงเรียนกวดวิชา Quota โควตา TGAT TPAT Admission วิชาสามัญ GPAX GPA TPAT3 A-level คณิตศาสตร์ประยุกต์1 A-level คณิตศาสตร์ประยุกต์2  A-level วิทยาศาสตร์ประยุกต์ ติวเตอร์  A-level ฟิสิกส์ A-level ภาษาอังกฤษ  TGAT TPAT A-level Mathematics Physics Engineering Science TCAS dek66 dek67 dek68 TCAS66 TCAS67 TCAS68 pat1 pat2 pat3 gat ครูสอนพิเศษ อาจารย์สอนพิเศษ  ติวเตอร์ tutor  โรงเรียนกวดวิชา Quota โควตา TGAT TPAT Admission วิชาสามัญ GPAX GPA TPAT3 A-level คณิตศาสตร์ประยุกต์1 A-level คณิตศาสตร์ประยุกต์2  A-level วิทยาศาสตร์ประยุกต์  ติวสอบเข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่   เรียนพิเศษเข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่   สอนพิเศษเข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กวดวิชาเข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่   โรงเรียนกวดวิชาเข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่    ติวเตอร์เข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่     ติวเข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่   แนวข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่    เก็งข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่
image
 Guaranteed Results.
รับรองผลทุกคอร์ส
นักเรียนที่เรียนจบหลักสูตรจากบ้านครูตี๋  กว่า  90%  มีผลการเรียนดีขึ้น
และสามารถสอบเข้าโรงเรียนรัฐบาล  และมหาวิทยาลัยชั้นนำของรัฐได้
จากศิษย์เก่าบ้านครูตี๋กว่า 3,000 คน   ตลอดระยะเวลา 25 ปี 
image
Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้